|
วัสดุประเภท Static Dissipative |
วัสดุที่เป็นประเภท Static dissipative จะมีค่าความต้านทานไฟฟ้าอยู่ระหว่างฉนวน และตัวนำอิเล็กตรอน |
สามารถไหลไปตามพื้นผิวหรือวิ่งผ่านเนื้อในวัสดุประเภท dissipative ได้เช่นเดียวกับฉนวนหรือตัวนำ วัสดุ |
ประเภท dissipative สามารถเกิดประจุแบบไทรโบอิเล็กทริกได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามวัสดุประเภท dissipative |
มีความเหมือนวัสดุประเภท ตัวนำตรงที่มันสามารถปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายประจุจากวัสดุนั้นไปลงดินหรือ |
วัสดุที่เป็นตัวนำอื่นได้แต่การเคลื่อนย้ายประจุของวัสดุที่เป็นประเภท dissipative จะใช้เวลานานกว่าวัสดุ |
ประเภทตัวนำ หากว่ามีขนาดเท่ากัน การเคลื่อนย้ายประจุจากวัสดุประเภท dissipative จะทำได้รวดเร็วกว่า |
ฉนวนมากแต่ก็จะช้ากว่าตัวนำ |
|
อนุกรมไทรโบอิเล็กทริก |
อนุกรมไทรโบอิเล็กทริกจะเป็นตารางแสดงว่า เมื่อวัสดุสองชิ้นมาแตะและแยกกันจะมีการจับขั้ว และขนาด |
ของประจุต่างกัน เมื่อวัสดุสองอย่างแตะและแยกกัน วัสดุตัวที่อยู่บนกว่าในตารางจะมีประจุบวก ตัวที่อยู่ต่ำกว่า |
จะเป็นประจุลบ วัสดุในตารางยิ่งอยู่ห่างกันในตารางก็จะให้ประจุมาก ถ้าอยู่ใกล้กันในตารางจะให้ประจุน้อย |
|
ความเสียหายจาก ESD และอุปกรณ์เสียหายได้อย่างไร |
ความเสียหายที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถเกิดได้ตั้งแต่ ผู้ผลิตจนถึง ณ จุดการ |
ใช้งาน ความเสียหายเป็นผลมาจากการจับฉวยหรือเข้าใกล้อุปกรณ์นั้นๆโดยไม่มีการระมัดระวังเรื่องการควบคุม |
ไฟฟ้าสถิตเป็นอย่างดีพอ โดยทั่วไปแล้วความหายเสียถูกแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เรียกว่าความเสียหาย |
ทันที (catastrophic failure) และกลุ่มที่เรียกว่าความเสียหายแบบแฝง (latent defect) |
|
ความเสียหายทันที |
เมื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหายจาก ESD อุปกรณ์นั้นจะไม่สามารถทำงานได้เลย อย่างนี้ |
เรียกว่า ความเสียหายทันที (catastrophic failure) ไฟฟ้าสถิตอาจทำให้วงจรเล็กของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ |
เกิดละลาย ขาด หรือละลายมาเชื่อมกันทำให้ไม่สามารถทำงานได้ นอกจากนั้นอาจเกิดการเสียหายของ |
ออกไซด์ โดยปกติของเสียจากไฟฟ้าสถิตเหล่านั้นจะถูกจับได้จากการตรวจสอบไอซีก่อนการส่งมอบให้ลูกค้า |
แต่ถ้าหากเกิดปัญหาจากไฟฟ้าสถิตภายหลังการตรวจสอบก็จะไม่มีโอกาสตรวจพบ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ |
ที่มีปัญหาเหล่านั้น จนกว่าจะถึงเวลาใช้งาน |
|
|
|